1. กรองอากาศอย่าปล่อยให้สกปรก
กรองอากาศทำหน้าที่ป้องกันฝุ่น สิ่งสกปรกติดเข้าไปกับอากาศที่ถูกนำไปจุดระเบิดในห้องเผาไหม้เครื่องยนต์ คุณควรหมั่นตรวจเช็กให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อให้อากาศสามารถไหลเข้าไปห้องเผาไหม้ได้เป็นปกติ
2. ลมยางแรงดันต้องได้มาตรฐาน
ระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการตรวจสอบระดับแรงดันของลมยางทั้งสี่ล้อนั่นคือทุก 7 วัน สัปดาห์ละครั้งแวะเข้าปั้มเช็กลมยางสักหน่อยให้อยู่ในระดับมาตรฐานที่รถต้องใช้ เพื่อช่วยให้สมรรถนะรถยังคงเป็นปกติในการขับขี่ และยังช่วยรักษาระดับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้อีกด้วย
3. แบตเตอรี่ ถ้าผิดปกติอาการจะเริ่มแสดง
แบตเตอรี่ส่วนสำคัญของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในรถ ทั้งเครื่องปรับอากาศ เครื่องเสียง และขั้นตอนแรกสุดของการใช้งานรถนั่นคือ “การสตาร์ท” อย่าปล่อยให้แบตฯ น้ำแห้งหรือเมื่อถึงอายุการใช้งาน 1-2 ปี ก็ควรที่จะเปลี่ยนแบตฯ ลูกใหม่ได้แล้ว
4. ของเหลวในเครื่องยนต์ต้องหมั่นเช็ก
ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเฟืองท้าย(ถ้ามี), น้ำหล่อเย็น, น้ำมันเบรก นี่คือบรรดาของเหลวซึ่งมีความสำคัญในการทำงานของรถคุณ อย่าปล่อยผ่าน และหมั่นตรวจเช็กตามระยะ ก็จะช่วยให้คุณใช้รถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หมดกังวลได้เลย
5. สายพานใช้นานก็เสื่อม ต้องเปลี่ยนใหม่
ชิ้นส่วนของสายพานผ่านการใช้งานอาจเสื่อมสภาพ มีรอยแตกร้าว เสี่ยงที่จะขาดซึ่งมีผลทำให้รถไม่สามารถขับขี่ได้ในทันที ดังนั้นหมั่นตรวจสอบสภาพชิ้นส่วนนี้ และควรเปลี่ยนตามอายุการใช้งานของมันด้วย
6. หัวเทียนก็สำคัญ อย่าปล่อยผ่าน
อุปกรณ์อีกชิ้นที่ทำหน้าที่ในการช่วยจุดระเบิดในห้องเผาไหม้อย่างหัวเทียน เป็นชิ้นส่วนที่ใช้งานไปก็เสื่อมสภาพปล่อยผ่านไม่ได้ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของเครื่องยนต์คุณควรหมั่นตรวจสอบตามระยะที่จุดนี้ด้วย
7. ระบบห้ามล้อ เบรกไม่ดีอันตรายถึงชีวิต
ไล่ไปตั้งแต่น้ำมันเบรก ผ้าเบรก หรือจานเบรก แต่ละส่วนควรอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน ผ้าเบรกหมดหรือยัง? จานเบรกต้องเจียรหรือเปล่า? และน้ำมันเบรกมีรั่วมีซึม หรือเก่าไปควรเปลี่ยนถ่ายหรือไม่ ทุกจุดล้วนมีผลต้องการขับขี่ที่ส่งผลต่อชีวิตคุณได้ในเสี้ยววินาที
8. กระจกหน้าต้องใส ใบปัดน้ำฝนต้องเนียน
ตอนที่ขับรถขณะฝนตกคุณจะเห็นประโยชน์ของใบปัดน้ำฝน ที่ช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ของคุณดีขึ้นเมื่อเทียบกับใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพที่ปัดยังไงก็ไม่สะอาด ส่วนนี้ถ้าเก่าก็อย่าลืมเปลี่ยน รวมไปถึงกระจกบังลมบานหน้าที่ต้องหมั่นเช็กให้ใสอยู่เสมอ และถ้ามีรอยร้าวจากสะเก็ดหินก็ควรรีบซ่อมก่อนลามเป็นแผลใหญ่ซึ่งอันตรายมากในการใช้งาน
9. ภายนอกต้องดูแล
สภาพสีของรถคุณอาจถูกทำลายความเงางามจากมลภาวะแวดล้อม แม้จะบอกว่าจอดในร่มไม่โดนแดด แต่พวกปัญหาขี้นก ยางต้นไม้ หรือคราบสกปรกที่ติดนานเกินไปจากที่คุณปล่อยไว้ไม่ยอมล้างรถ ล้วนแต่จะทำให้สีสวยๆ ของรถคุณ “หม่นหมอง” ไปได้เช่นกัน ดังนั้นหมั่นรักษารถให้สะอาดเงางามอยู่เสมอดีที่สุด
10. ภายในก็มีสิ่งสกปรกที่มองไม่เห็น
ทุกครั้งที่คุณเปิดประตู สิ่งสกปรก เศษฝุ่นต่างๆ ก็เข้ามาในรถคุณได้แล้ว แล้วคุณต้องสูดมันเข้าไปในทุกครั้งที่ขับขี่ ดังนั้นอย่างลืมทำความสะอาดภายในห้องโดยสารอยู่เสมอด้วย แล้วคุณจะเห็นว่ารถของคุณน่าขับขึ้นอีกเยอะ
จำนวนผู้เข้าชม 5,422 , 4